วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข้อเดีของธุรกิจเครือข่าย


16 ข้อดีของธุรกิจเครือข่ายที่หลายคนมองข้ามไป
  1. ลงทุนน้อย ความเสี่ยงน้อย ความเครียดน้อย ทำไม่สำเร็จไม่เสียอะไร  ( การเริ่มต้นธุรกิจส่วนใหญ่ ลงทุนมาก ความเสี่ยงมาก เครียดมาก ฯ  และหากเกิดความผิดพลาดมาก มีโอกาสเป็นหนี้ ฟ้องร้องเป็นความกัน )
  2. ทำที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ ทำกับใครก็ได้  ( การเป็นพนักงาน ต้องเข้างาน ออกงาน เป็นเวลา ขาดอิสรภาพในการใช้ชีวิต  ,  การลงทุนทำธุรกิจส่วนใหญ่ ต้องอาศัยหน้าร้าน ทำเลที่ดี  ซึ่งอาจต้องปักหลักรอลูกค้าอยู่ตรงนั้น หากลูกค้าไม่มา ชะตาธุรกิจก็จะขาด)
  3. ธุรกิจเครือข่าย มีการกระจายความเสี่ยง ซึ่งไม่ได้พึ่งพาลูกค้าน้อยราย
  4. ทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ต้องสต๊อกสินค้าจำนวนมากๆ  ลดความเสี่ยงในตัว
  5. ไม่ต้องตามทวงหนี้ ไม่เกิดหนี้เสีย  ( ธุรกิจธรรมดานั้น ด้วยความอยากขาย   บางครั้งขายได้ แต่เก็บเงินไม่ได้ มีให้เห็นอยู่บ่อย ส่งผลให้ธุรกิจขาดกระแสเงินสดหมุนเวียน กิจการอาจจะไปไม่รอดได้ แต่ธุรกิจเครือข่ายค้าขายเงินสดเท่านั้น )
  6. ไม่ต้องจ้างนักบัญชี ไม่ต้องจ้างนักการเงินธุรกิจธรรมดา ที่ทำแล้วมีรายได้เป็นแสน ก็จำเป็นต้องจ้าง นักบัญชี นักการเงิน เข้ามาบริหารจัดการ ซึ่ง หากเราตรวจสอบไม่ดี นักบัญชี นักการเงินโกงไปอีก ก็วุ่นวาย ขาดทุน และต้องมีผู้สอบบัญชี  ค่าสอบบัญชีต่อเดือน 2,500 ขึ้นไป ค่าตรวจสอบรายปี 15,000 ขึ้นไป )
  7. ไม่ต้องจ้างพนักงาน ทุกคนในเครือข่ายทำเพื่อตัวเอง เรามีหน้าที่ช่วย ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ใคร ยอดขายขึ้น หรือลง ไม่ต้องแบกรับ fix cost เช่น ค่าเช่า ค่าพนักงาน ค่าโฆษณาส่งเสริมการขาย
  8. ไม่ต้องคอยควบคุม ตรวจสอบ ดูแล การค้าธรรมดา หากเราจ้างใครมา แล้วต้องจ่ายเงินเดือน เราต้องหมั่นคอยตรวจสอบ ว่างานเดินมั๊ย หากไม่ทำงาน หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือลาบ่อยๆ หรือโกง บริษัทอยู่ บริษัทก็เสียหาย
  9. ม่ต้องมีทำเล ค่าทำเลแพง และเป็นความเสี่ยงหลายคนเปิดร้าน ขายนั่น ขายนี่ แต่เนื่องจากmoderntrade makro bigc carefour lotus top ดูดลูกค้าไปหมด  อาจทำให้เงินทุนอาจจมกับทำเลได้ ไม่ว่าจะซื้อมา หรือเซ้ง ก็ตาม หากเช่าแล้วได้ทำเลดี สุดท้ายผู้ให้เช่า เห็นการค้าดี ก็ขอขึ้นค่าเช่าตามระเบียบ )
  10. ไม่ต้องเก่ง หรือต้องมีหัวการค้ามาก ก็สามารถทำได้ คนรวยส่วนใหญ่ต้องเก่งมาก เช่น พ่อค้า  นักกฎหมาย นักร้อง นักดนตรี แต่ธุรกิจเครือข่าย ใช้ส่วนดีของแต่ละคนมารวมพลังกัน เช่น เราพูดไม่เก่ง ก็ไปหาคนพูดเก่งมาเป็นลูกทีม เป็นการแชร์ความสามารถร่วมกัน
  11. อิสรภาพทางการเงินและเวลา  ซึ่งหาแทบไม่ได้ในงานทั่วไป
  12. ได้พัฒนาตัวเอง ในการพูด การฟัง พัฒนาบุคลิกภาพ  และทักษะอีกหลายอย่าง
  13. ทำให้เข้าใจระบบการค้า และวงจรของธุรกิจ ด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
  14. อัพไลน์ ดาวไลน์  ต่างอยู่ในฐานะเดียวกัน บนกติกาเดียวกัน เสมอภาคไม่มีใครเป็นเจ้านาย ลูกน้องกัน ทุกคนเป็นผู่ร่วมงาน เป็นเพื่อนร่วมทีมเดียวกัน ประสบความสำเร็จ ผิดหวัง ล้มเหลว หรือได้รับชัยชนะ เหมือนๆกัน ( การค้าทั่วไป มุมของเจ้านาย กับลูกน้องก็ยืนกันคนละข้างแล้วครับ )
  15. ได้ช่วยให้คนมีรายได้เสริม หรืออาจเป็นรายได้หลักในวันข้างหน้า
  16. ายได้เป็นแบบทวีคูณ  เช่น เดือนนี้ผมสปอนเซอร์ได้ 1 คน แต่ลูกทีมต่างก็ช่วยสปอนเซอร์ด้วย เปรียบเหมือนคานผ่อนแรงที่สามารถทวีคูณลูกทีมเพิ่มขึ้นกลายเป็น 100 คนแทน   ด้วยเหตุนี้ ลองคิดดูเล่นๆสิครับว่า หากเรามีองค์กร 1000 คน แต่ละคนไปชวนคนละ 1 คน องค์กร จะเป็น 2,000 คนในทันที !!!
       ด้วยโมเดลงานอิสระที่ส่งเสริมกัน ทุกคนเท่าเทียมกัน และเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ภายใต้ความเสี่ยงที่ถือว่าน้อยมาก  ธุรกิจเครือข่าย จึงเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มองหารายได้ เพื่ออนาคตได้ดีทีเดียว

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สุนารี ราชสีมา สนใจธุรกิจขายตรง??

สุนารี ราชสีมา กับธุรกิจเครือข่าย หรือ คนทั่วไปอาจจะเรียกว่าธุรกิจขายตรง (networkmarketing)

แม้แต่นักร้องชื่อดังก็ยังให้ความสนใจกับธุรกิจนี้


มันมีอะไรดีกัน?? ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความอื่นๆได้เลย



วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM (network marketing) คืออะไร



ธุรกิจเครือข่าย คืออะไร


 






ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ?
     ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมากเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป
     เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตนเป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ผู้บริโภค
     เมื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก
     ส่วนผลกำไร 60% ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบธุรกิจแบบเดิม
     โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการตลาดแบบทั่วๆไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คนแนะนำให้กับคน 2 – 3 คนและแต่ละคนของ 2 – 3 คนบอกต่อกับคน 2 – 3 คนต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
 
ธุรกิจเครือข่าย นี้คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ?
     ปัจจุบันมีรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ว่าแต่ว่าคุณจะปฏิเสธที่จะเรียนรู้มันด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบมาก่อน หรือไม่ เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงว่าต้องใช้เงินทุนมาก, ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ จึงจะทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้ ณ.วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝันของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า ธุรกิจเครือข่าย

โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา
หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2 “Cashflow Quadrant” หรือ เงินสี่ด้านของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า คนในโลกแบ่งตามที่มาของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ
 
ด้านที่ 1 ) ลูกจ้าง ( Employee )  
คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน
 
ด้านที่ 2 ) ธุรกิจส่วนตัว 
( Self – employed ) 
 เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner )คือผู้ที่มีรายได้จากการทำงานของตนเองหรือกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะต้องเป็นผู้ลงมือทำหรือดูแลด้วยตนเอง
 
 ด้านที่ 3 ) เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ 
( Business owner ) 
 คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลาและแรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน
 
ด้านที่ 4 ) นักลงทุน ( Investor )  
คือผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้ให้กับตนโดยไม่ต้องทำเอง

โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ
     ในทุกๆเช้าของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงานตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย
     พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร? เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่งเท่านั้นเองหรือ ?
     เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ? ผมเชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของการใช้ชีวิตแบบใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรกหากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป
     ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

คน 4 ประเภท จากเงินสี่ด้าน



คน 4 ประเภท
E (Employee) - ลูกจ้าง


- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ
ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
- ตกงานเท่ากับล้มละลาย
(ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ


B (Business Owner) – เจ้าของธุรกิจ

- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
- ไม่ทำก็มีรายได้
มีหลายประเภท
- บริษัท
- แฟรนไซน์
- การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็น
เจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)
S (Self-employed) – ทำธุรกิจส่วนตัว

ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
- ขาดประสบการณ์
- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ


I (Investor) – นักลงทุน


ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ




คนฝั่งซ้าย
คนฝั่งขวา
มีความกลัวเป็นตัวขับเคลื่อน
ยึดติดกับงานประจำ
รายได้จำกัด
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
มองเห็นอุปสรรค
ไม่เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน หนี้สิน
คิดถึงความเสี่ยง
ยึดติดกับสิ่งเก่า
ไม่มีแผนงาน
ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
ชอบออกความเห็น
ชอบมีเงินสดเยอะๆ
ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
ชอบวิธีการ
ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
ถูกระบบควบคุม
เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
ทำงานเพื่อคนอื่น
อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ
มีความฝันเป็นตัวขับเคลื่อน
พยายามสร้างงาน
รายได้ไม่จำกัด
มีเป้าหมายชัดเจน
มองเห็นโอกาส
เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน หนี้สิน
ใช้เงินทำงาน
คิดถึงความน่าเสี่ยง
เรียนรู้สิ่งใหม่
มีแผนงานชัดเจน
มีที่ปรึกษา
ชอบหาความจริง
ชอบมีกระแสเงินสด สม่ำเสมอ
ชอบมองหาคนเก่ง
ชอบวิธีคิด
ชอบการจดจ่อ
ควบคุมระบบ
เป็นเจ้าของระบบ
เรียนเพื่อหาความรู้
ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส




แล้วคุณเลือกอยู่ฝั่งไหน ??????

     งานประจำ ไม่ทำให้ร่ำรวยได้ มีแต่หนี้ ถ้าต้องการความสำเร็จ ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ธุรกิจมี 2 ประเภท คือ รวยแต่หยุดทำไม่ได้ กับรวยแล้วพักได้โดยรายได้ไม่หยุด
1. กิจการใหญ่ (ซีพี , AIS)
2. เจ้าของแฟรนไชส์ (แมคโดนัลด์ , 7-11)
3. ธุรกิจเครือข่าย

- การตลาดเครือข่าย เป็นเสมือนโรงเรียนสอนนักธุรกิจ ที่ช่วยให้คุณย้ายฝั่งได้ง่าย ได้ผล และปลอดภัยที่สุด
- บริษัทเครือข่ายการตลาดที่ดีจะต้องมีระบบพัฒนาตัวคุณอย่างสมบูรณ์แบบ (โดย สอนให้คุณเป็นนักธุรกิจ เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่สอนให้คุณเป็นเซลส์แมนหรือเพียงทำให้คุณมีรายได้ไปวันๆ บนความมั่นคงที่ไม่แน่นอน)
     คนที่รวยที่สุดในโลกล้วนแสวงหา การสร้างเครือข่าย ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหางานทำ หากคุณมีความคิดสร้างสรรอันยิ่งใหญ่ หรือสินค้าอันดีเยี่ยมปานใดก็ตาม มีเพียงหนทางเดียวที่จะนำท่านสู่ความสำเร็จ คือ การใช้เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายการ จัดจำหน่ายสินค้า เหล่านั้นสู่มือผู้บริโภคอย่างได้ผล